วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556


การปลูกมันสำปะหลัง                 เทคนิคการปลูกมันสำปะหลังให้ได้น้ำหนักเฉลี่ยไร่ละ 10 ตันต่อไร่นั้น  ไม่ยากเลยโดยไม่จำเป็นต้องง้อปุ๋ยเคมีและสารเคมีเลยได้  ด้วยโปรแกรมเลียนแบบธรรมชาติ
          โดยใช้เทคนิค "ดินดี  คือปุ๋ยที่ดี"
          ซึ่งในปัจจุบันพื้นดินที่ใช้ทำการเกษตรมีความเสื่อมโทรมลงไปอย่างมากเนื่อด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ  ด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่องและมากเกินไป จนทำให้ดินมีปัญหาในการปลดปล่อยแร่ธาตุอาหาร ให้กับต้นพืชที่ปลูก  ซึ่งปุ๋ยเคมีนั้นมีประโยชน์สำหรับพืช แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปก็เกิดผลเสีย  ทำให้พืชไม่กินปุ๋ยทำให้ดินแน่นทึบ  ไม่อุ้มน้ำจึงทำให้เกษตรกรทุกๆคน พยามใช้ปุ๋ยเคมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อจะหวังว่าจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น  แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย  กลับกลายเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิตแทน
          ดังนั้น   ในการปลูกมันสำปะหลังให้ผลผลิตสูงๆ  นั้นมีจุดสำคัญคือ  ต้องตัดกิ่งมันให้มีความยาวไม่มาก คือความยาวประมาณ "18-20 เซนติเมตร"  และต้องตัดตรง ไม่ควรตัดด้วยมีด  เพราะจะทำให้ตามันแตก  ทำให้มีผลต่อการออกราก  เพราะรากคือหัว  หัวคือราก  นั่นเอง  และที่สำคัญในการปลูกมันสำปะหลังนั้น  ในปัจจุบันมันของเกษตรกร  หัวมันสำปะหลังต่อตัน  ต่อเง้า มีเพียงชั้นเดียว  แต่ในทฤษฎีของเรานั้นสามารถให้มันสำปะหลังมีจำนวนชั้นมากกว่า 1 ชั้น   ได้โดยการเปลี่ยนตาใบ  เป็นตาราก  โดยการบ่มตามันสำปะหลัง  โดยจะมีรายละเอียดในการปฎิบัติและขั้นตอนที่จะแนะนำ  และมีผลงานจริง  ที่เกษตรกรทำแล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน  ถึงจะได้วิธีการได้จำนวนหัวมันสำปะหลังได้มากกว่า 1  ชั้นแล้ว  แต่ก็ยังจะประสบปัญหาอีกอย่างหนึ่ง  ที่เกษตรกรประสบปัญหา  คือ ปลูกมันสำปะหลังแล้วมันไม่ลงหัว  นั่นคือปัญหาหนึ่งที่เกษตรกรประสบปัญหาในปัจจุบัน  และทุกๆคนพยายามเพิ่มการลงหัวโดยการใช้ปุ๋ยระเบิดหัวมัน  แต่กลับทางกันโดยหัวมันก็ยังไม่ใหญ่  ปุ๋ยที่ใส่ไปก็ยังละลายไม่หมด  เพราะเกษตรกรใส่ปุ๋ยระเบิดหัวมันในช่วงมันอายุ 8-10 เดือน  โดยการใส่ปุ๋ยในช่วงนี้  จะไม่มีน้ำลดหรือไม่มีฝนตก ทำให้การใส่ปุ๋ยในช่วงนี้ไม่ประสพความสำเร็จเท่าที่ควรนั้นเอง แต่การใส่ปุ๋ยให้ประสพความสำเร็จและได้ประโยชน์สูงสุดควรใส่ปุ๋ยแบบขนมชั้นคือการไถยกร่องหรือการอุ้มขึ้นร่องแล้วทำการ
ใส่ปุ๋ยแล้วอุ้มร่องกลบทับก่อนจะทำการปลูกท่อนมัน  จึงจะทำให้ปุ๋ยที่ใส่ลงไปมีประโยชน์และมันสำปะหลังนำปุ๋ยมาใช้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และปุ๋ยเคมีที่ใส่ก็ไม่สูญหายไปไหน ไม่ถูกแดดเผาทำลายธาตุอาหารก็ไม่เสื่อมสลาย มีคุณภาพเหมือนเดิม
         ในการจะทำให้ต้นมันสำปะหลังเติบโตแข็งแรงและสมบูรณ์ได้ดีนั้น  ผู้ปลูกควรดูแลตั้งแต่ต้นมันเริ่ม
งอกออกจากกิ่งท่อนพันธุ์  โดยการให้อาหารต้นมันสำปะหลังโดยการฉีดพ่นทางใบจะได้ผลดีกว่าการใส่
ปุ๋ยทางดิน เพราะตามธรรมชาตินั้นพืชจะรับอาหารทางใบได้ดีกว่าทางดินถึง 70% เลย  แต่ทางดินนั้นพืช
รับได้เพียง 30% จึงขอแนะนำให้อาหารทางใบจะดีกว่า และการให้อาหารมันสำปะหลังนั้น ควรให้ครบทั้ง
ธาตุอาหารหลักธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม หรือ16ธาตุอาหารนั้้นเอง
          แต่ในปัจจุบันเกษตรกรก็ยังให้อาหารพืชเองยังไม่ครบ  เพราะแค่ธาตุอาหารหลักคือไนโตรเจน,โปรตัสเซียม,ฟอสฟอรัส ก็อาจให้ไม่ครบแล้วอาหารรองกับอาหารเสริมเล่าจะครบหรือ? ดังนั้นทางเราจึงคิดค้นสูตรอาหารเข้มข้นและธาตุอาหารแบบครบครันมาใช้กับต้นมันสำปะหลังของพวกเรา
จึงทำให้เราผลิตมันสำปะหลังได้จำนวนต้อไร่สูงกว่าคนอื่น แต่ต้นทุนต่ำกว่าดังรูปด้านล่างนี้


ยิ้มออกและดีใจที่ได้มันโดยเฉลี่ยไร่ละกว่า15ตันนะครับ
ดันไหวมั๊ยลูก  ซ้ายมือปลูกโดยใช้ปุ๋ยช่วงลงหัว  ขวามือใช้การสั่งลงหัวด้วยการสารฉีดทางใบ


ยิ้มกับความภูมิใจและสำเร็จ

หัวใหญ่แม้บริเวณข้างๆรก


และในสาระสำคัญที่มันไม่ยอมลงหัว หรือหัวมันมีขนาดเล็ก เพราะเลือกใช้ปุ๋ยเคมีไม่เหมาะกับช่วงเวลา ที่มันสำปะหลังกำลังจะลงหัว  หรืออาจเกิดจากในพื้นดินที่ปลูก  ไม่มีแร่ธาตุ อาหารที่จำเป็นในการลงหัวนั่นเอง
          ซึ่งทางเรากำหนดให้มันลงหัวได้โดย  การฉีดพ่นธาตุอาหารที่จำเป็น  ในการสั่งให้มันลงหัว  แต่ในการสั่งลงหัวนั้นทางเคมีก็สามารถสั่งให้มันลงหัวได้เช่นกัน  แต่กลับทำให้ต้นมันสำปะหลัง  หยุดการเจริญเติบโตไปด้วย  ทำให้ทุกคนไม่อยากใช้กันซักเท่าไหร่  เพราะมีผลต่อต้นมันสำปะหลัง ในเวลาที่นำไปทำท่อนพันธุ์  เพราะลำต้นพันธุ์จะสั้น  แต่การฉีดพ่นด้วยธาตุอาหารของเรานั้น  จะไปเปลี่ยนทิศทางการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง  ให้เปลี่ยนแปลงจากแนวตั้ง (Vertical) ไปเป็นแนวนอน (Horizontal) แทน  แต่การเจริญเติบโตของต้นมันสำปะหลังยังคงเดิม  และโตอย่างต่อเนื่องอยู่  โดยแนะนำให้ฉีดพ่นในอายุมัน  "3 เดือนครึ่ง ในการปลูกมันระบบน้ำ " แต่ถ้าปลูก"แบบธรรมชาติที่ไม่มีระบบน้ำจะให้ฉีดพ่นอายุ 4 เดือนครึ่ง ไม่เกิน 5 เดือนครึ่ง"  ซึ่งจะเหมาะสมกับการสั่งลงหัวของมันสำปะหลังเป็นที่สุด  ซึ่งจะส่งผลให้มันสำปะหลัง  ลงหัวได้มากถึง 80-90 % ทีเดียว  หากอายุมันมากกว่านี้  ก็จะได้ผลน้อย ต่ำกว่า 50% จึงไม่แนะนำให้ฉีดพ่นหลังจากอายุมันเกิน 6 เดือนแล้ว

ดังนั้นจึงควรฉีดพ่นก่อน 5 เดือนนะคร้บแล้วจะได้หัวมันสำปะหลังหัวใหญ่ๆๆ ครับ
และในปัจุบันการปลูกมันสำปะหลังของคนไทยมีผลผลิตตกต่ำลงทุกๆปีแต่ต้นทุนกลับสูงขึ้นทุกๆปี แต่เกษตรกรไทยจึงใช้วิธีปลูกพื้นที่มากๆเพื่อหวังผลผลิตเยอะแล้วนำมันสำปะหลังเข้าสู่โครงการประกันราคาของรัฐ ซึ่งไม่ใช่ทางรอดของคนไทยอย่างแน่นอน แต่ทางรอดของคนไทยที่แท้จริงคือ  ต้นทุนต้องลด ผลผลิตต้องเพิ่ม คุณภาพผลผลิตต้องดี นี่ต่างหากคือสิ่งที่เกษตรกรทุกๆคนกำลังแสวงหาซึ่งไม่ใช่ราคาที่ทุกคนแสวงหาเพราะราคาเกษตรกรไม่สามารถจัดสรรได้
และอีกประเด็นหนึ่งที่สามารถทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นได้โดยการเพิ่มมูลค่าของ ผลิตผลที่ตนผลิต  ซึ่งการลดต้นทุนคือการจัดการดูแลอย่างถูกวิธี  ตัวอย่างเช่นการเตรียมท่อนพันธุ์ ระยะการปลูก  การให้อาหารแก่ต้นมันสำปะหลัง  เป็นต้น

ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

คุณ  จักกฤษ ตรีทิพย์วัฒนา  (เอ็ม)  081-0460335


ดิสดาย

ดิสดาย

เทคโนโลยีใหม่ในการดายหญ้า

                
             ดายหญ้าได้เร็วกว่าการใช้จอบ

             -  ดายหญ้าได้ละเอียดกว่าการใช้จอบ

             -  ดายหญ้าโดยวิธีการนั่งไม่ต้องยื่นให้เมื่อยขา

             -  ดายหญ้าได้แม้นวันฝนตก หรือหลังฝนตก(ใช้จอบไม่ได้ดินมันติด)

             -  ดายหญ้าได้ถึงรากถึงโคนดายครั้งเดียวหญ้าตายเรียบ

             -  ดายหญ้าได้แม้ระยะห่างในการดายแคบเช่นบริเวณโคนต้นมัน

สำปะหลังที่ปลูกในระยะชิด
          
               คิดค้นโดยตัว ผมเอง ประธานศูนย์สาขาชมรมเกษตรอินทรีย์ก้าวหน้า

เพชรบูรณ์  เนื่องด้วยการใช้คนงานดายหญ้าโดยใช้จอบนั้น เมื่อดายหญ้าไป

นานๆและอากาศที่ร้อนจะทำให้คนงานดายหญ้าได้จำนวนน้อยเนื่องจาก

อากาศร้อนและจอบมีน้ำหนักมาก และยิ่งกว่านั้นเวลาช่วงฝนตก ไม่สามารถ

ดายหญ้าได้เลย เพราะจะทำให้ดิน ติดจอบและหญ้าที่ดายก็ไม่ตาย เนื่องจากมี

ดินติดมาด้วย    เมื่อเปลี่ยนมาใช้เสียบก็ยังมี ลักษณะเช่นเดียวกับที่ใช้จอบดาย

หญ้า   แต่เมื่อมีใช้ดิสด์ดายหญ้าเกิดความคล่องตัวขึ้น คนงานทำงานได้ไวขึ้น

ไม่มีใครบ่นว่าเหนื่อยและหนัก ทำงานสบายกว่าจอบทำงานได้ทั้งวันซึ่งจะดูได้

จากขั้นตอนการทำงาน  ด้วยความปรารถนาให้ผู้ใช้ดิสด์ดาย ทำงานอย่างมี

ความสุข


 

        ศึกษาข้อมูลการทำเกษตรพืชชนิดอื่น กด คลิก ได้เลยครับ...

http://mkfu2.blogspot.com/  ข้าวอินทรีย์ 119 ถัง หรือ 1190 ถัง ทำได้จริง

http://mkfu4.blogspot.com/  อ้อย 30 ตัน กับเกษตร ดินดี

http://mkfu5.blogspot.com/ หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์...ไร่ละ 2 แสน

http://mkfu6.blogspot.com/เผือกอินทรีย์ 1 ไร่ 6 เดือน 1 แสน

http://mkfu7.blogspot.com/มะละกออินทรีย์ สร้างชีวิต สร้างความเป็นไท

http://mkfu8.blogspot.com/  การปลูกด่วเรือง ดาวรวย




ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

คุณ  จักกฤษ ตรีทิพย์วัฒนา  (เอ็ม)  081-0460335

1 ความคิดเห็น:

  1. เตรียมตัวรับการค้าเสรี มีผลแน่นถ้าไม่ปรับเปลี่ยนการลดต้นทุนการผลิต

    ตอบลบ